ปราณยาม
ถ้าว่าตามหลักของโยคะแล้ว ปราณยามก็คือการควบคุมและเก็บกักพลังชีวิต โดยปราณะ หมายถึง พลังชีวิต ส่วน ยามะ หมายถึง การเก็บ การบังคับ และการกระจาย
เราสามารถพบปราณได้ในชนบท อากาศชายทะเล แสงอาทิตย์ น้ำบริสุทธิ์จากแหล่งธรรมชาติ และคลื่นคอสมิค ซึ่งสามารถหมดไปเมื่อมีการใช้สารเคมี สิ่งแวดล้อมที่เป็นพิษ เป็นต้น
ถ้าว่าตามหลักวิทยาศาสตร์แล้ว สนับสนุนคำกล่าวในแง่ของปราณที่ว่าปราณ คือพลังงานที่เติมเต็มของ ชีวิต โดยกล่าวว่า ไม่เพียงแต่ในบรรยากาศเท่านั้นที่มีสนามแม่เหล็ก แต่มันสั่นสะเทือนด้วยพลังที่มาจาก อนุภาคไฟฟ้าที่เรียกว่า Negative lons นี้คือพลังงานที่เราหายใจเข้าไปและสันดาป การมีสุขภาพดีจำเป็นต้องดูด ซึมมันเข้าไปและปล่อยมันออกมา
อาจกล่าวว่าได้ว่า การหายใจแบบโยคะ เป็นวิทยาศาสตร์การหายใจที่เก่าแก่ที่สุดสาขาหนึ่ง
ตามหลักวิทยาศาสตร์กล่าวเกี่ยวกับการหายใจเอาไว้ว่า การหายใจเป็นสิ่งสำคัญที่สุดอย่างหนึ่งของร่างกาย ซึ่งใช้ในการสร้างพลังงานจากการเผาผลาญอาหาร มีหนังสือหลายเล่มเช่น The Oxygen Break Through-30days Through and lllness-Free life ได้กล่าวถึงทฤษฎีเกี่ยวกับการหายใจไว้ว่า การหายใจที่ไม่ถูกต้อง อาจก่อให้เกิดโรคเกี่ยวกับระบบหายใจ อาการเจ็บป่วยต่างๆ
ตามหลักโยคะนั้น ถือว่าลมหายใจมีความสำคัญที่สุด วิทยาการเกี่ยวกับการหายใจในโยคะนั้นมีรากฐาน มาจากการควบคุมปราณ มีแบ่งรูจมูกทั้ง 2 ช่องออกเป็น ช่องอาทิตย์ กับช่องจันทร์ โดยช่องอาทิตย์จะอยู่ทางรู ข้างขวา ลมหายใจที่เข้าช่องนี้ เป็นลมหายใจร้อนทำให้เกิดความร้อนขึ้นในร่างกายเป็นกำลังงานเผาผลาญ อาหารให้เป็นพลังและเนื้อ เป็นต้น ส่วนช่องจันทร์อยู่รูจมูกด้านซ๊าย เป็นที่เข้าลมหายใจเย็นซึ่งเป็นกำลังในการ สร้างเนื้อหนังขึ้นมาเป็นต้น
ตามหลักโยคะถือว่าคนที่มีสุขภาพสมบูรณ์ตามปรกติ มีการเปลี่ยนรูจมูกของลมหายใจ จะกินเวลาประมาณทุกๆ 1 ชั่วโมง 55 นาที
นอกจากนี้โยคะยังแบ่งลมหายใจเป็น 4 ประเภท คือ
หายใจสูง หรือหายใจด้วยไหล่ หรือไหปลาร้า เวลาที่หายใจเข้า จะ เผยอซี่โครง และยกกระดูกไหปลาร้า กัน ไหล่ขึ้น ในเวลาเดียวกัน ก็แขม่วท้องเข้าไปดันกระบังที่ช่องท้องให้ยกขึ้นไปด้วยซึ่งเท่ากับว่าใช้ส่วนบนของหน้าอก และปอดซึ่งเป็นส่วนเล็กที่สุดหายใจนั้นเอง เป็นการหายใจแบบที่เลวที่สุด
หายใจกลาง การหายใจแบบนี้เรียกกันว่า หายใจระหว่างซี่โครง คือการหายใจกลางนี้ มีการขยายซี่โครงบางส่วนและยกขึ้นเล็กน้อย และยังมีการดันกระบังลมให้ยกขึ้นด้วย พร้อมกัยการแขม่วท้อง การหายใจแบบนี้จะดีกว่าแบบแรก
หายใจต่ำ เป็นการหายใจที่เกือบดีที่สุด เพราะเป็นการหายใจด้วยท้อง ซึ่งมีวิธีการ คือ เมื่อหายใจออกให้แขม่วท้องเข้าพร้อมกับยกซี่โครงขึ้น เวลาหายใจเข้าให้ดันท้องให้ป่อง
หายใจแบบโยคี คือ การหายใจสูง กลาง ต่ำรวมกัน เป็นการหายใจที่ดีที่สุดที่มนุษย์ค้นพบ