ไข้หวัด

 

ไข้หวัดเป็นโรคติดเชื้อของทางเดินหายใจส่วนต้น (ได้แก่ จมูก และ คอ) ติดต่อได้ง่ายด้วยการอยู่ใกล้ชิดกัน รับเชื้อจากละอองเสมหะที่ผู้ป่วยไอจามหรือหายใจรด รวมทั้งการสัมผัสถูกมือคนไข้ที่เปื้อนเชื้อหวัด โดยโรคนี้มีระยะฟักตัวประมาณ 1-3 วัน เกิดจากเชื้อไวรัสชนิดหนึ่งที่แบ่งออกเป็นพันธุ์ย่อยๆออกไปร่วม 200 ชนิด

                อาการ

                     ครั่นเนื้อครั่นตัว หนาวๆ ร้อนๆ น้ำมูกไหล อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ปวดเมื่อยตามตัว อาจจะมีเสมหะหรือไม่มี ถ้ามีเสมหะจะขาวใส ไม่มีสี น้ำมูกจะขาวใสไม่มีสีเช่นเดียวกัน แต่ถ้ามีสีหรือขุ่นเป็นหนองแปลว่ามีเชื้อแบคทีเรียเข้าผสมโรงด้วย

             การดูแลรักษา

  1. พักผ่อนให้มาก อย่าอาบน้ำเย็น ควรดื่มน้ำมากๆ ประมาณชั่วโมงละ 1 แก้ว

  2. ถ้าเบื่ออาหารให้ดื่มน้ำหวาน น้ำผลไม้ น้ำข้าวต้ม ทีละน้อยแต่บ่อยๆ

  3. กินยาแก้ปวดพาราเซตามอล (paracetamol) โดยผู้ใหญ่ครั้งละ 1-2 เม็ด เด็กโตครั้งละ ครึ่งถึง 1 เม็ด ส่วนเด็กเล็กใช้ชนิดน้ำเชื่อม ครั้งละ 1-2 ช้อนชา ถ้ายังมีไข้กินซ้ำทุก 6 ชั่วโมง ส่วนยาที่ไม่ค่อยจำเป็นในการรักษาไข้หวัด ได้แก่

                    ยาแก้หวัดแก้ไอ ควรหลีกเลี่ยงการใช้ในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ขวบ ส่วนเด็กโตและผู้ใหญ่ ถ้ามีน้ำมูกมากจนน่ารำคาญ ให้กินยาแก้แพ้ได้แก่ คลอร์เฟนิรามีน ครั้งละ ครึ่งถึง 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง เพียง 2-3 วัน เมื่อน้ำมูกแห้งแล้วควรหยุด ส่วนอาการไอให้จิบยาแก้ไอน้ำดำ ครั้งละ ครึ่ง-1 ช้อนชาเวลาไอ ถ้ากินแล้วไอมากควรงด ในขณะเดียวกันไม่ควรลืมว่า ยาแก้หวัดแก้ไออาจทำให้อาการไอเป็นมากขึ้น ถ้ายังไอควรงดยาเหล่านี้ แล้วหันไปดื่มน้ำอุ่นมากๆ

                    ยาปฏิชีวนะ ใช้เมื่อเสมหะเหลืองหรือเขียวตลอดวัน ถ้ามั่นใจว่าไม่เคยแพ้ยาอะไร ให้กิน อะม๊อกซีซิลลิน (amoxycillin)ขนาด 250 มิลลิกรัม วันละ 3 ครั้ง หลังอาหาร นาน 7-10 วัน โดยผู้ใหญ่ให้ครั้งละ 1-2 เม็ด เด็กโตครั้งละ 1 เม็ด เด็กเล็กใช้ชนิดน้ำเชื่อม ครั้งละ 1-2 ช้อนชา ถ้าเคยแพ้ยา ห้ามกินยานี้และควรไปพบแพทย์